เรียกได้ว่าเป็นนักร้องที่ชื่นชอบศิลปินไอดอลอันดับต้น ๆ ของวงการ สำหรับนักร้องหนุ่มมากความสามารถ แสตมป์-อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข ล่าสุดเจ้าตัวได้มีโอกาสรับหน้าที่เป็น 1 ใน 4 กรรมการของรายการ “Last Idol Thailand ” (ลาสต์ ไอดอล ไทยแลนด์) ทางช่อง 7 HD งานนี้ถึงแม้เจ้าตัวพอจะทราบกิตติศัพท์ความโหดและภาระอันหนักอึ้งของผู้ที่ทำหน้าที่กรรมการในรายการนี้มาบ้างแล้ว แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องตัดสินหนุ่มแสตมป์ก็ยังรู้สึกหนักใจทุกครั้ง

 

แสตมป์-อภิวัชร์ กล่าวว่า “ครั้งแรกกับการมาเป็นกรรมการใน “ลาสต์ ไอดอล” มันยาก เพราะว่าเป็นการแข่งขันดูภาพรวม คือการคัดคนเข้าวงไอดอล หลักเกณฑ์ไม่ตายตัว เลยค่อนข้างยากตรงที่ว่าเราจะใช้เกณฑ์ไหนวัดดี ผมเห็น พี่ณัฐ วง “เคลียร์” ใส่นาฬิกาวัดชีพจรมาเลยว่าใครทำให้ใจเต้นได้มากกว่ากัน ผมก็เลยคิดว่าไอ้นี่แหละคือส่วนสำคัญของไอดอล แมทช์ที่ผมเพิ่งตัดสินไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา คือคู่ของ ซีโมน-ปุณณาสา ต้นวิชา สมาชิกชั่วคราวหมายเลข 5 และผู้ท้าชิงคนที่ 16 น้องเซนเตอร์-นันทภัค อุณหกาญจน์กิจ คู่นี้ต่างกันมาก เซนเตอร์ก็มาน่ารัก ยิ้ม ผู้ชายแบบหลงแน่นอน ผู้ชมน่าจะมีความสุขไปกับโชว์ของเขา แต่เขายังไม่ค่อยเจนเวทีเท่าไหร่  ส่วนน้องซีโมนก็ตกใจเหมือนกันที่เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แต่กลับมีของเยอะขนาดนี้ มีพลังล้นเหลือมากน่าจะเป็นอาวุธที่ดีของวงนี้ครับ”

 

“เท่าที่ได้ชมโชว์น้อง ๆ ไอดอล ด้วยความที่หลายคนยังเด็ก อาจจะมีฟีลลิ่งร้องเพลงได้ไม่มากนัก ทุกอย่างเป็นโมโนโทน  ถ้าร้องได้มีมิติกว่านี้ โชว์มันจะน่าสนใจและแข็งแกร่งมาก ถามว่าความสนุกของรายการนี้อยู่ตรงไหน มันคือการท้าชิงกัน มันวัดใจคนที่มาท้าชิงและผู้ชม เป็นเกมที่โหดมากคาดเดาอะไรไม่ได้เลย บางคนอยู่มาตั้งกี่สัปดาห์แล้วอยู่ ๆ มาโดนท้าชิง ไม่มีอะไรการันตีได้เลยว่าคุณจะแพ้หรือชนะ ผมว่านี่เป็นเสน่ห์ของรายการนี้ครับ ปัจจุบันนี้มีเด็กที่มีความฝันแบบนี้เยอะนะ แต่ผมเห็นว่าน้อง ๆ มีความมั่นใจในตัวเองมากเลยเวลาสัมภาษณ์ ตอนที่ผมเป็นเด็กผมไม่สามารถที่จะพูดอะไรแบบนี้ออกมาได้ รู้สึกว่าเขามีความกล้าพูดกล้าแสดงออก แต่ไม่ว่าน้อง ๆ ที่มาจะสมหวังหรือผิดหวังกลับไป แต่สิ่งหนึ่งที่น้อง ๆ ได้รับคือ น้องมีเวทีที่ให้ได้ฝึกฝีมือ ถ้าไม่ได้เวทีนี้เวทีหน้าอาจจะได้ก็ได้ครับ”